animate animate animate animate animate animate animate animate animate animate animate animate animate animate
สถานที่ท่องเที่ยวในภาคใต้

ของดีประจำจังหวัดระนอง


ของดีประจำจังหวัดระนอง

     เม็ดมะม่วงหิมพานต์กาหยู
     เม็ดมะม่วงหิมพานต์หรือกาหยู เป็นสินค้าพื้นเมืองของจังหวัดระนอง ซึ่งนิยมปลูกกันมากในบริเวณเกาะช้างและเกาะพยาม มีทั้งอบเนย อบเกลือ และแบบเผา สามารถหาซื้อได้ทั่วไป บริเวณตลาดสด ร้านขายของฝากในสวนสาธารณะรักษะวาริน อาทิเช่น ร้านนารีรัตน์กาหยูหรือมะม่วงหิมพานต์ คือพืชที่ขึ้นชื่อทีสุดของเกาะ และระดับจังหวัดระนอง ตอนกลางของเกาะเป็นสวนกาหยูของชาวบ้าน "'....กาหยูหวาน..." คำขวัญของจังหวัดระนอง พบมากที่เกาะพยามขบวนการผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์นี้ทำได้ลำบากตั้งแต่เก็บผล, ตากแดด,คัดเม็ด,อบ, เผา, กระเทาะเม็ด, แล้วอบ ก่อนจำหน่าย แต่ขบวนการผลิดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่เกาะพยามนี้ไม่เหมือนในเมืองระนอง ซึ่งใช้วิธีเผาแบบดั้งเดิม ใช้ฟื้น เม็ดที่ได้จึงหอมกว่าปกติ
      ซาลาเปาทับหลี
     เป็นซาลาเปาอยู่ที่แป้งที่มีความนุ่มนวล และบางกว่าซาลาเปาทั่วไป ขนาดของซาลาเปาไม่ใหญ่จนเกินไป ไส้ซาลาเปาจะถูกบรรจุลงในเนื้อแป้งแบบพอดี เวลาที่ท่านรับประทาน จะได้สัมผัสทั้งความนุ่มของเนื้อแป้ง สำหรับไส้นั้น สูตรดั้งเดิมของคุณ ฮั่นติ้วหย่วนมี อยู่ 2 ไส้คือ หมูสับ กับถั่วดำ ส่วนคุณลีก็คิดค้นขึ้นมาอีก 2 สูตร คือ ไส้ครีมกับไส้หมูแดง ขายราคาลูกละ 10 บาทเท่ากันหมด ซึ่งแต่ละไส้ต่างก็มีดีกันไปคนละแบบ ไส้หมูสับ มีน้ำขลุกขลิกระหว่างแป้งกับไส้ เนื้อหมูนุ่มรสเข้มข้นถึงเครื่องปรุงเครื่องเทศรสชาติอันกลมกล่อมของตัวไส้ ที่สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ทางร้านได้มีการทำขนมจีบที่อยู่ในสูตรพิเศษอีก ที่มีความอร่อยใครๆได้มาลิ้มรองนั้นร่วนมีแต่ผู้คนติดใจเพราะว่าจะไม่หวงกุ้ง จึงมีรสชาติที่อร่อยมากๆ และราคาของขนมจีบที่ทางซาลาเปาทับหลีนั้นขายในราคาที่ไม่แพงเพียง4ลูก15บาทเอง หากใครสนในที่เว็บไทยอาชีพเรา แนะนำแฟรนไซส์ซาลาเปาทับหลี ก็สามารถมาลงทุนกันได้เลย


     กาแฟคั่วมือ
     สวนกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ที่บ้านบกกราย อ.กระบุรี จ.ระนอง คลุกคลีอยู่สวนกาแฟพันธุ์โรบัสต้ามายาวนาน ทำให้เขาลองนำไปแปรรูปด้วยการคั่วมือแบบโบราณทำเป็นกาแฟสด บรรจุซองติดเครื่องการค้า "ก้อง คอฟฟี่" ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดีสุพจน์ บอกว่า ตลอดชีวิตคลุกคลีอยู่กับสวนกาแฟ เพราะชาวบ้านบกกรายล้วนแต่มีไร่กาแฟเกือบทุกราย แต่ได้มองข้ามมาโดยตลอด ขณะที่ชาวสวนเองเมื่อเก็บผลผลิตกาแฟจะขายไปทั้งหมด จากนั้นทั้งชาวสวนกาแฟและลูกจ้างในพื้นที่จะซื้อกาแฟชนิดซองมาชงกินวันละกว่า 500 ซองต่อวัน คิดเป็นเงินวันละกว่า 2,000 บาท หรือ 6 หมื่นบาทต่อเดือน ในแต่ละปีต้องเสียเงินไปเพราะซื้อกาแฟมาบริโภคตกปีละ 8 แสนบาทด้วยความอยากรู้อยากเห็นของสุพจน์ เขาจึงนำนำเม็ดกาแฟตากแห้งมาทดลองคั่วชนิดที่ลองผิดลองถูกและลองชงดื่ม ควบคู่กับการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกาแฟโรบัสต้า ตั้งแต่สภาพพื้นที่การปลูก การเก็บ การบ่ม การคั่ว อุณหภูมิในการคั่วและการเก็บรักษาหลังการคั่วการบด จนกรรมวิธีลงตัวจึงได้แนะนำให้ชาวสวนในพื้นที่ ทำให้ชาวสวนกาแฟรวมถึงลูกจ้างใน อ.กระบุรี เริ่มตื่นตัวหันมาคั่วบดกาแฟ พร้อมดื่มกาแฟของตัวเองแทนการดื่มกาแฟชนิดซองที่มีขายทั่วไป ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อกาแฟกินเอง จากนั้นได้รวบรวมกลุ่มชาวสวนกาแฟมาตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟคั่วมือ "ก้อง คอฟฟี่" ของ อ.กระบุรี และกาแฟคั่วมือสวนหนึ่งขายที่ร้านของเขาด้วย "หากเราดูแผนที่โลก หมู่บ้านบกกรายอ.กระบุรี ตั้งอยู่ในระนาบเหนือเส้นศูนย์สูตรเดียวกับแหล่งกาแฟโรบัสต้าที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเคนยา บราซิลและโคลัมเบีย ซึ่งกาแฟพันธุ์โรบัสต้าชอบอากาศที่มีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศมากกว่า 60% และปลูกในลักษณะภูมิอากาศฝนแปดเดือน แดดสี่เดือน ของ จ.ระนอง สวนกาแฟของชาวบ้านบกกราย ไม่ได้ปลูกในเชิงอุตสาหกรรม ทำให้เป็นกาแฟปลอดสารเคมีโดยธรรมชาติ เมื่อเรามาคั่วด้วยมือในกระทะซึ่งเป็นกรรมวิธีแบบโบราณที่อุณหภูมิไม่ถึง 400 องศา การใช้ไม้พายคั่วที่ทำมาจากไม้บอระแวง ที่เป็นไม้ประจำ จ.ระนอง ทำให้ทำให้กาแฟ "ก้อง คอฟฟี่" มีเอกลักษณ์ รสชาติ และกลิ่นเฉพาะตัว" สุพจน์ กล่าว
     สำหรับวิธีคั่วจะใช้หม้อโมคา ซึ่งเป็นหม้อต้มกาแฟแบบความดันโดยใช้พลังงานความร้อนจากไฟ เวลาชงด้วยน้ำร้อนจากกาแฟคั่วสดๆ บดด้วยมือล้วนๆ ทำให้มีรสชาติเฉพาะตัวมีความเปรี้ยวนิดๆ กลิ่นหอมของของเมล็ดพันธุ์โรบัสต้าแท้ เมื่อดื่มแล้วเปลี่ยนเป็นรสหวานในปาก ทำให้มีความสดชื่น หากสนใจที่จะชิม หรือเยี่ยม หรือศึกษาดูงานแปลงกาแฟสาธิต ติดต่อได้ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟคั่วมือ

       มุกแท้เมืองระนอง
     ไข่มุก ผลงานอันล้ำค่าของหอยจากท้องทะเลไข่มุกเป็นอัญมณีชนิด เดียวที่กำเนิดจากสิ่งมีชีวิต และเป็นหนึ่งในรัตนชาติ ที่นำมาเป็นเครื่องประดับมาช้านาน ไข่มุกเกิดจากหอยชนิดหนึ่ง เรียกว่า หอยมุก ซึ่วมีทั้งหอยฝาเดียวและหอยสองฝา แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
            1. ไข่มุกธรรมชาติ ซึ่งเกิดเองตามธรรมชาติ
            2. ไข่มุกเลี้ยง
     ไข่มุก ธรรมชาติเกิดจากในขณะที่หอยมุกกินอาหาร อาจมีกรวดทรายปะปนเข้าไป  จึงต้องปล่อยเมือกซึ่งมีส่วนประกอบของแคลเซียมคาร์บอเนตออกมาเคลือบสิ่งแปลก ปลอมเพื่อลดการระคายเคือง  จนเป็นไข่มุกที่มีลักษณะแข็งแรง แวววาวมาก ไม่กลม มักบิดเบี้ยว ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เล็ดลอดเข้าไปในตัวหอยว่ามีลักษณะเดิมเป็นเช่นใด  มุกธรรมชาติเป็นของหายาก  และเป็นเครื่องประดับที่แพงที่สุดในโลก ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้ค้นคิดการเพาะเลี้ยงหอยมุก ผู้ผลิตประสบความสำเร็จคนแรกคือ นายโคคิชิ มิกิโมโตะ ได้นำมาดัดแปลงเอาหอยมุกขัดเป็นเม็ดกลมๆ เข้าไปในฝามุก เกิดเป็นมุกเลี้ยงมีสีสวยงาม หอยมุกที่นำมาเลี้ยงมีทั้งหอยทะเลและหอยน้ำจืด แต่ที่นิยมคือ หอยสองฝาเพราะมีเมือกเยอะ ไข่มุกเลี้ยงเรียกอีกอย่างว่า culture pearl สำหรับประเทศไทยเริ่มมีการเลี้ยงหอยมุกเมื่อ 25 ปีมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ปัจจุบันมีเพียงบริษัทนาคาไข่มุก ที่สามารถประสบความสำเร็จในการเลี้ยงเป็นบริษัทแรก รู้จักกันในนามของ "ไข่มุกทะเลใต้" (south sea pearl) ทำการเพาะเลี้ยงที่เกาะนาคาน้อย จังหวัดภูเก็ต เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2507 ที่เกาะยาวน้อยร่วมกับญี่ปุ่น มีระยะเวลากว่า 30 ปี ทำจากหอยมุกที่เรียกว่า หอยมุกจาน ผลผลิตมีมากสุดปีละ 12,000 เม็ด ทำรายได้ปีละสิบกว่าล้านบาท ตลาดที่ส่งคือ ญี่ปุ่น มีบางส่วนขายในประเทศไทย ปัจจุบันเหลือน้อยลง

     กะปิระนอง
     กะปิ คิดขึ้นโดยชาวประมง ที่ต้องการจะดองกุ้งที่จับมาได้เพื่อเอาไว้รับประทานได้ในระยะเวลานาน ๆ หรือ อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งกล่าวว่าเนื่องจากไม่สามารถขายกุ้งได้หมด จึงทำการดองเอาไว้ ไม่ว่าข้อสันนิษฐานจะเป็นอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงคือ กะปิเป็นตำรับอาหารของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปัจจุบัน กะปิกลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมอาหาร และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนต่าง ๆจากการผลิตกะปิขาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม